ผ้าฟางวิธีเก็บให้อยู่ได้นาน ไม่เปื่อยหรือขึ้นรา

การเก็บรักษาผ้าฟางให้ใช้งานได้ยาวนานคือ ต้องทำความสะอาดสิ่งสกปรกออกให้หมด ทำให้แห้งสนิท 100% ก่อนพับหรือม้วนเก็บอย่างถูกวิธี จากนั้นนำไปไว้ในที่ร่ม แห้ง และเย็น เพื่อป้องกันแสงแดดและความชื้นซึ่งเป็นตัวการหลักที่ทำให้ผ้าเปื่อยและเกิดเชื้อราผ้าฟาง หรือที่หลายคนเรียกว่า บลูชีท (Blue Sheet) คือผ้าใบพลาสติกสานที่ผลิตจากพลาสติกประเภทโพลีโพรพิลีน (PP) หรือโพลีเอทิลีน (PE) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นคือเหนียว ทนทานต่อน้ำหนักและการฉีกขาด และกันน้ำได้ 100% ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้ ทำให้ผ้าฟางถูกใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งในภาคเกษตรกรรม เช่น ใช้ปูพื้นลานตากข้าว, งานก่อสร้าง, การขนส่ง และใช้ในชีวิตประจำวัน. อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความทนทานสูง แต่หากจัดเก็บไม่ถูกวิธี ผ้าฟางก็สามารถเสื่อมสภาพได้เร็วกว่าที่ควร ทั้งการเปื่อยยุ่ย กรอบแตกจากแสงแดด หรือเกิดเชื้อราดำจากความชื้น การรู้วิธีเก็บรักษาที่ถูกต้องจึงจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อยืดอายุการใช้งานให้คุ้มค่าที่สุด
4 ขั้นตอนง่ายๆ ในการเก็บรักษาผ้าฟางให้เหมือนใหม่
การดูแลรักษาผ้าฟางไม่ใช่เรื่องยาก เพียงทำตามขั้นตอนเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอหลังการใช้งาน ก็จะช่วยยืดอายุผ้าฟางของคุณไปได้อีกหลายปี
1. ทำความสะอาดคราบสกปรก
- กางผ้าฟางออกบนพื้นผิวที่เรียบและสะอาด
- ใช้น้ำฉีดล้างคราบดิน โคลน หรือสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ออกให้หมด
- หากมีคราบฝังแน่น สามารถใช้แปรงขนนุ่มหรือฟองน้ำกับสบู่อ่อนๆ ขัดเบาๆ ได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีรุนแรงหรือแปรงโลหะ เพราะอาจทำลายผิวเคลือบของผ้าใบได้
2. ทำให้แห้งสนิท 100%
- ขั้นตอนนี้สำคัญที่สุดในการป้องกันเชื้อรา ควรนำผ้าฟางไปตากแดดจัดๆ หรือในที่ที่มีลมโกรกและอากาศถ่ายเทสะดวก
- พลิกกลับด้านเพื่อให้แน่ใจว่าผ้าแห้งสนิททั้งสองฝั่ง โดยเฉพาะบริเวณขอบผ้าที่พับเย็บซึ่งอาจมีความชื้นสะสมได้ง่าย
- ห้ามพับเก็บในขณะที่ผ้ายังมีความชื้นหลงเหลืออยู่โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดเชื้อราและกลิ่นอับ
3. พับหรือม้วนเก็บอย่างถูกวิธี
- การพับ: หลีกเลี่ยงการพับตามรอยเดิมทุกครั้ง เพราะจะทำให้บริเวณรอยพับนั้นเปื่อยและขาดง่ายขึ้น ควรเปลี่ยนแนวพับไปเรื่อยๆ
- การม้วน: เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดรอยยับและป้องกันการหักของเนื้อพลาสติก พยายามม้วนผ้าฟางให้เรียบและไม่แน่นจนเกินไป
- ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีหิน กรวด หรือของมีคมติดอยู่ในผ้าก่อนทำการพับหรือม้วน
4. เลือกสถานที่จัดเก็บที่เหมาะสม
- เก็บในที่ร่ม แห้ง และเย็น เช่น ในโรงเก็บของหรือใต้ชายคาบ้านที่มีอากาศถ่ายเท
- หลีกเลี่ยงการวางผ้าฟางไว้กลางแดดโดยตรงเป็นเวลานาน แม้จะไม่ได้ใช้งาน เพราะรังสี UV จะทำลายโครงสร้างพลาสติก ทำให้ผ้ากรอบและเปื่อยเร็วขึ้น
- ไม่ควรวางของหนักทับบนผ้าฟางที่พับไว้ และควรเก็บให้ห่างจากสารเคมี น้ำมัน และเปลวไฟ

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ถ้าผ้าฟางขึ้นราแล้ว จะแก้ไขได้อย่างไร?
A: หากพบเชื้อราเล็กน้อย ให้ลองใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำในอัตราส่วน 1:1 ฉีดพ่นบริเวณที่เป็นรา ทิ้งไว้สักครู่แล้วใช้แปรงขนนุ่มขัดออก จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดและนำไปตากแดดให้แห้งสนิท สำหรับคราบหนัก อาจต้องใช้ผลิตภัณฑ์กำจัดเชื้อราสำหรับผ้าโดยเฉพาะ แต่ควรทดสอบในบริเวณเล็กๆ ก่อน
Q: อายุการใช้งานของผ้าฟางโดยทั่วไปนานแค่ไหน?
A: อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับคุณภาพของผ้าฟางและความถี่ในการใช้งาน รวมถึงการดูแลรักษา โดยทั่วไปผ้าฟางเกรดดีสามารถใช้งานได้ 4-5 ปีหากใช้งานทั่วไป แต่หากเก็บรักษาอย่างดีในที่ร่มเป็นส่วนใหญ่ อายุการใช้งานอาจยาวนานกว่านั้น
Q: ควรซ่อมรอยขาดเล็กๆ บนผ้าฟางอย่างไร?
A: สำหรับรอยขาดเล็กๆ สามารถซ่อมแซมได้ด้วยเทปกันน้ำสำหรับงานซ่อมผ้าใบหรือเต็นท์ ซึ่งหาซื้อได้ตามร้านอุปกรณ์ก่อสร้างหรือร้านฮาร์ดแวร์ทั่วไป ควรทำความสะอาดและเช็ดบริเวณรอบรอยขาดให้แห้งสนิทก่อนติดเทป
Q: การม้วนกับการพับ แบบไหนดีกว่ากัน?
A: การม้วนดีกว่าการพับ เพราะช่วยลดการเกิดรอยยับถาวรซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ผ้าฉีกขาดได้ง่ายในอนาคต หากจำเป็นต้องพับ ควรพยายามเปลี่ยนตำแหน่งรอยพับทุกครั้งที่เก็บ
Q: สามารถใช้ผงซักฟอกในการทำความสะอาดได้หรือไม่?
A: สามารถใช้ผงซักฟอกหรือสบู่อ่อนๆ ได้ แต่ควรใช้ในปริมาณน้อยและล้างออกให้หมดจด เพราะหากมีสารเคมีตกค้างอาจทำลายผิวเคลือบของผ้าฟางในระยะยาวได้ ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาซักผ้าขาวหรือสารฟอกขาวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง
Q: เก็บผ้าฟางไว้ในรถที่จอดตากแดดได้หรือไม่?
A: ไม่แนะนำอย่างยิ่ง ความร้อนสูงภายในรถที่จอดตากแดดจะเร่งกระบวนการเสื่อมสภาพของพลาสติก ทำให้ผ้าฟางกรอบและเปราะบางได้เร็วขึ้นมาก ควรเก็บไว้ในที่ที่อุณหภูมิไม่สูงจนเกินไป